#HunTistic ตอนที่ 1
นับจากวันนั้นมา นี่ก็.. 1 2 3 4 5...
12 ปีแล้วครับ!!!
สิบสองปีแล้วที่ผมกับพ่อตกลงกันว่าจะอุปการะเลี้ยงดูเด็กที่น่าสงสารคนนั้น
ตอนแรกที่ผมขอให้พาน้องมาอยู่กับเราพ่อไม่อนุญาต... และพูดกับผมว่าถ้าเราสงสารทุกคนแบบนี้ ต่อไปไม่ต้องรับเขาเข้ามาอยู่บ้านเรากันหมดทุกคนเลยหรือไง
...ตอนนั้นเด็กน้อยเซฮุนเลยถูกส่งตัวให้ไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยง เพราะไม่มีใครมาติดต่อหรือแสดงตัวว่าเป็นญาติของน้องเลย...
ช่วงนั้นน้องมีอาการเลื่อนลอยไม่หือไม่อือกับใครเลย เหมือนจะไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว..ตาลอย อ้าปากหวอ น้ำลายยืด ยิ่งพอไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงแล้วด้วยนะ...อาการของน้องก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ น้องเซฮุนมีอาการชักและถูกหามส่งโรงพยาบาลอยู่หลายรอบ
พอรู้ว่าน้องมานอนโรงพยาบาลผมก็มาเยี่ยมน้องบ่อยๆ เห็นเจ้าเด็กน้อยเอาแต่มองหน้าผมตาแป๋ว...แต่ก็ยังไม่ยอมคุยด้วยนะ เพราะน้องพูดหรือสื่อสารกับคนอื่นไม่รู้เรื่องเลย..ถึงจะหกขวบแล้วก็เถอะ
แต่พอเจ้าตัวเล็กมันมีขนมกินมือเล็กๆนั่นก็จะหยิบยื่นมาแบ่งให้ผมเสมอ พอผมรับมาน้องมันก็อมยิ้มหน่อยๆ แล้วก็ดูเหมือนอาการเหม่อลอยจะไม่ค่อยมีให้เห็นตอนที่ผมมาอยู่เป็นเพื่อน...
ผมเลยลองขอพ่ออีกครั้ง...
ผมอยากดูแลเด็กคนนี้ ไม่รู้เพราะอะไร..รู้สึกถูกชะตาจัง
ผมบอกพ่อว่าผมอยากมีน้องเล็กๆมานานแล้ว อยากมีแต่มีไม่ได้ เพราะแม่ไม่อยู่...
จริงๆที่บอกว่าอยากมีน้องก็ส่วนหนึ่ง..แต่หลักๆแล้วก็คือผมสงสารน้อง เด็กคนนี้ไม่มีใครเลย...
และแล้ว!!!
ในที่สุดพ่อก็ยอมจนได้...พ่อบอกกับผมว่าต่อไปก็จะได้เป็นพี่คนแล้ว ต้องดูแลน้องดีๆ และที่สำคัญต้องทำใจให้เย็นๆเข้าไว้เพราะ'น้องไม่เหมือนคนอื่น'
ตอนที่เซฮุนมาอยู่บ้านเราน้องแค่หกขวบ.. ตัวก็เล็กนิดเดียว น้องน้อยของบ้านน่ารัก..แต่ไม่ยิ้มไม่พูดไม่จาเลย ต้องใช้เวลาให้แกปรับตัวอยู่นานพอสมควรเลยแหละ..
แล้วทุกอย่างก็เริ่มจะค่อยๆดีขึ้นมา เซฮุนกับผมเข้ากันได้ดี ผมคอยเล่นกับน้อง พาเล่น พาอ่านหนังสือ ในที่สุด... เราทำให้เซฮุนค่อยๆลืมเรื่องราวร้ายๆไปได้ น้องเริ่มพูดคุยกับคนอื่นบ้างแล้วก็ยิ้มออกมาได้ซะที..
แต่ด้วยความที่เซฮุนเป็นเด็กออทิสติก ดูผิวเผินอาจจะดูเป็นเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นการพูดของน้อง..น้องพูดไม่ชัดเวลาพูดมันจะเหมือนคนลิ้นไก่สั้น สำหรับคนอื่นอาจฟังแล้วดูตลก บางคนอาจไม่รู้ว่าน้องมันพูดอะไรของมัน
ก็ดูเอาเถอะ..ขนาดมันพูดชื่อตัวเองยังไม่ชัดเลย แต่มีอยู่คำนึงที่น้องมันออกเสียงได้ชัดเจน...
"จุน!!!!!" นั่นไงครับ เสียงมาก่อนตัวแล้วไอ่เด็กบ๊อง มันตะโกนเรียกผมมาจากชั้นสอง..
"เออ..อยู่ข้างล่าง!!" ผมขานรับให้มันรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน ก่อนที่มันจะร้องไห้งอแงเพราะหาผมไม่เจอ
เด็กนี่มันติดผมมากกกกกกกกก
แล้วเสียงฝีเท้าหนักๆก็ดังมาตามทางเดินชั้นบนแล้วก็ลงบันไดมา ก่อนที่ผมที่ยืนต้มข้าวต้มอยู่หน้าเตาแก็สต้องรีบถอยออกมาแล้วตั้งหลัก...
ก่อนที่ไอ้เด็กโข่งมันจะกระโดดใส่จนเกือบหงายท้อง!!
"ไม่ปุกฮุงง่าาาา" เจ้าเด็กยักษ์พูดด้วยเสียงงัวเงีย เอาหัวมาถูกับหัวผมเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆเลยครับ
"ก็หนูนอนหลับปุ๋ยอยู่เลยนี่ พี่เลยไม่อยากกวน เป็นไง..นอนเต็มอิ่มยัง"
"ไม่ค่อยอิ่งง หิวอยู่" ไอ้ลูกหมาเอ้ยยย เห็นมีของโปรดอยู่บนเตาก็ผละออกจากผมไปส่องหม้อข้าวต้มกุ้งนู่น
10%
Sehun's Autistic
วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557
INTRO
INTRO
คิม จุนมยอน นั่นคือชื่อของผมเองครับ
ผมเป็นใครน่ะหรอ ...? ผมก็เป็นแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ อายุ 10 ขวบ มีพ่อเป็นคุณหมอ ส่วนแม่...
ไม่มีแล้วครับ...
พ่อบอกว่าแม่เป็นคนที่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ตอนที่คลอดผมก็ไม่ได้คลอดแบบธรรมชาติ ต้องใช้วิธีผ่าคลอด... ทำให้แม่เสียเลือดมาก แม่ก็เลย...
ตั้งแต่นั้นมาผมกับพ่อก็อยู่กันแค่สองคน พ่อเป็นทุกอย่างของผม เป็นทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งคุณครู เป็นทุกอย่างเลย... พ่อของผมเก่งที่สุดในโลกเลยครับ
หลังเลิกเรียนผมก็เดินออกจากโรงเรียน ไปถึงหน้าปากซอยแล้วก็ข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่ง..ตรงไปหาพ่อที่โรงพยาบาลที่พ่อประจำอยู่ แต่พ่อคงตรวจคนไข้ไม่ก็ผ่าตัดอยู่ ผมเลยมานั่งรอที่โซนของเล่นเด็กเล็ก
มานั่งดูเด็กเล่นครับไม่ได้เล่นเอง...
พี่ๆพยาบาลต่างก็รู้จักผมดี เดินเอาน้ำเอาขนมมาให้ บางคนก็มาขายขนมจีบ ฮ่าๆ จีบพ่อนะไม่ใช่ผม เพราะผมยังไม่โต..แต่ไว้โตกว่านี้เมื่อไหร่พี่ๆเค้าบอกว่าผมไม่รอดเงื้อมือพวกเค้าหรอก หล่อแต่เด็กครับไม่อยากจะคุย
ผมเอาการบ้านออกมาทำไปพลางๆ วิชาเลขเป็นอะไรที่ผมโง่สุดๆไปเลย.. อย่าคิดว่าเป็นลูกหมอแล้วจะอัจฉริยะนะ คนอื่นอาจใช่..แต่นั่นไม่ใช่ผม
ผมน่ะโง่ ถึง โง่มากกกกกก
ผมก็เวอร์ไป.. อันที่จริงก็ไม่ขนาดนั้น แค่ไม่ชอบคิดเลข ไม่ชอบวิทยาศาสตร์ ไม่ชอบศิลปะ ไม่เอาดนตรี เกลียดคาบพละ
พ่อผมส่งไปเรียนทำไมวะเนี่ย -_-||
ผมนั่งทำไปเรื่อยๆ กำลังเพลิน... อยู่ๆความวุ่นวายก็บังเกิดขึ้น มีผู้ชายตัวสูงใหญ่คนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา เขาอุ้มเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงไว้แนบอก ผมอยู่ไกลมองไม่ชัดนักหรอกว่าเด็กคนนั้นเป็นอะไร แต่เห็นสภาพเสื้อผ้ายู่ยี่หัวแตกเลือดไหลเปื้อนเสื้อเป็นทาง
เขาคนนั้นส่งเด็กให้กับบุรุษพยาบาลที่รีบวิ่งมารับ เขามองตามร่างของน้องคนนั้นไป แต่ไม่เดินตามไป...
แต่กลายเป็นผมเองที่อยากรู้อยากเห็น ถามเรื่องน้องคนนั้นจากพี่พยาบาลหน้าห้องฉุกเฉิน พี่เขาบอกว่าเด็กคนนั้นถูกทำร้ายมา
เด็กตัวแค่นั้น...
ใครกันทำได้ลงคอ
น้ำตาผมคลอเบ้าทันทีที่เห็นสภาพเด็กน้อยหลังจากผ่านนาทีเฉียดตายมา คอกับแขนเล็กๆนั่นต้องเข้าเฝือก ใบหน้ามีร่องรอยของการถูกทำร้าย ที่หัวกลมๆนั่นมีผ้าก็อชพันรอบตรงหน้าผากนั่นมีเลือดซึมออกมา...
"น้องน่าสงสารจังฮะ" ผมกอดเอวพ่อน้ำตาไหลออกมาด้วยความเวทนา
พ่อลูบหัวปลอบผม
ดีที่พ่อผมเป็นเจ้าของไข้ของเด็กคนนั้น ผมเลยได้รู้เรื่องของน้องด้วย
น้องชื่อ โอ เซฮุน เมื่อก่อนน้องมาที่โรงพยาบาลบ่อยๆเพราะต้องมาเช็คร่างกาย ในแฟ้มประวัติบอกว่า..น้องเป็นเด็กที่ร่างกายอ่อนแอมาก แถมน้องยังเป็น..
"..โรคออทิสซึม"
"ใช่ครับ เซฮุนเค้าเป็นเด็กมีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กทั่วไป เมื่อก่อนนี้..ก็เห็นว่าพ่อแม่พามาหาหมอบ่อยๆนี่นา แต่สองปีหลังนี่ไม่เห็นหน้าเลย ไม่รู้ว่าทางบ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า.."
หลังจากนั้นผมก็มาหาน้องเซฮุนแทบทุกวัน น้องไม่พูดไม่จาเลย แถมทำหน้างอใส่ผมตลอดเวลาด้วย เด็กดื้อเอ้ย!!
แต่น้องนอนโรงพยาบาลหลายวันแล้ว.. พ่อแม่น้องไปอยู่ไหนนะ ไม่เห็นมาหาน้องเลย
พอผมถามหาพ่อกับแม่เท่านั้นแหละ..
"แง๊!!!!! แง๊!!!!!! ไม่เอาๆๆ" เด็กนี่เป่าปีทันทีเลยครับ ผมไม่รู้จะทำไง จะกอดปลอบก็กลัวน้องมันเจ็บ เพราะแผลเต็มตัว แต่เด็กน้อยดิ้นๆๆ ถีบผ้าปูเตียงยับยู่ยี่ไปหมด
ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ดีที่พี่ๆพยาบาลเข้ามาช่วยกันจับไว้
ผมได้ยินมาจากที่พยาบาลคุยกับพ่อของผมว่า ผู้ชายที่อุ้มน้องมาส่งวันนั้น เขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนบ้านกับน้องเซฮุน น้องพึ่งมาอยู่ที่นั่นได้ไม่ถึงปีหลังจากที่แม่ของน้องมีสามีใหม่ซึ่งก็คือหลังจากพ่อของน้องเสียไป แล้วก็...พ่อเลี้ยงน้องนั่นแหละที่เป็นคนทำร้ายน้อง.. แล้วตอนนี้พ่อเลี้ยงคนนั้นก็ถูกจับข้องหาทำร้ายร่างกายไปแล้ว ส่วนแม่ของน้องก็หนีไปไหนก็ไม่รู้
ตอนนี้เด็กน้อยนอนนิ่งอยู่บนเตียง ไม่ใช่นิ่งธรรมดา แต่นิ่งเหมือนท่อนไม้เลย.. เซฮุนเหมือนไม่มีความรู้สึกรู้สาจนผมรู้สึกหดหู่ในใจ เด็กน้อยหน้าตาน่ารักคนนี้ควรจะยิ้ม ควรจะหัวเราะ
แล้วยิ่งน้องมีภาวะที่เป็นโรคออทิสซึมด้วยแล้ว ความอบอุ่นจากครอบครัวยิ่งต้องมาเป็นอันดับแรก แล้วทำไมกัน...
เด็กน้อยคนนี้น่าสงสารเกินไปแล้ว
TBC.
ลงอินโทรให้อย่างฉับไว
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
#HunTistic
คิม จุนมยอน นั่นคือชื่อของผมเองครับ
ผมเป็นใครน่ะหรอ ...? ผมก็เป็นแค่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ อายุ 10 ขวบ มีพ่อเป็นคุณหมอ ส่วนแม่...
ไม่มีแล้วครับ...
พ่อบอกว่าแม่เป็นคนที่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ตอนที่คลอดผมก็ไม่ได้คลอดแบบธรรมชาติ ต้องใช้วิธีผ่าคลอด... ทำให้แม่เสียเลือดมาก แม่ก็เลย...
ตั้งแต่นั้นมาผมกับพ่อก็อยู่กันแค่สองคน พ่อเป็นทุกอย่างของผม เป็นทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งคุณครู เป็นทุกอย่างเลย... พ่อของผมเก่งที่สุดในโลกเลยครับ
หลังเลิกเรียนผมก็เดินออกจากโรงเรียน ไปถึงหน้าปากซอยแล้วก็ข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่ง..ตรงไปหาพ่อที่โรงพยาบาลที่พ่อประจำอยู่ แต่พ่อคงตรวจคนไข้ไม่ก็ผ่าตัดอยู่ ผมเลยมานั่งรอที่โซนของเล่นเด็กเล็ก
มานั่งดูเด็กเล่นครับไม่ได้เล่นเอง...
พี่ๆพยาบาลต่างก็รู้จักผมดี เดินเอาน้ำเอาขนมมาให้ บางคนก็มาขายขนมจีบ ฮ่าๆ จีบพ่อนะไม่ใช่ผม เพราะผมยังไม่โต..แต่ไว้โตกว่านี้เมื่อไหร่พี่ๆเค้าบอกว่าผมไม่รอดเงื้อมือพวกเค้าหรอก หล่อแต่เด็กครับไม่อยากจะคุย
ผมเอาการบ้านออกมาทำไปพลางๆ วิชาเลขเป็นอะไรที่ผมโง่สุดๆไปเลย.. อย่าคิดว่าเป็นลูกหมอแล้วจะอัจฉริยะนะ คนอื่นอาจใช่..แต่นั่นไม่ใช่ผม
ผมน่ะโง่ ถึง โง่มากกกกกก
ผมก็เวอร์ไป.. อันที่จริงก็ไม่ขนาดนั้น แค่ไม่ชอบคิดเลข ไม่ชอบวิทยาศาสตร์ ไม่ชอบศิลปะ ไม่เอาดนตรี เกลียดคาบพละ
พ่อผมส่งไปเรียนทำไมวะเนี่ย -_-||
ผมนั่งทำไปเรื่อยๆ กำลังเพลิน... อยู่ๆความวุ่นวายก็บังเกิดขึ้น มีผู้ชายตัวสูงใหญ่คนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา เขาอุ้มเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงไว้แนบอก ผมอยู่ไกลมองไม่ชัดนักหรอกว่าเด็กคนนั้นเป็นอะไร แต่เห็นสภาพเสื้อผ้ายู่ยี่หัวแตกเลือดไหลเปื้อนเสื้อเป็นทาง
เขาคนนั้นส่งเด็กให้กับบุรุษพยาบาลที่รีบวิ่งมารับ เขามองตามร่างของน้องคนนั้นไป แต่ไม่เดินตามไป...
แต่กลายเป็นผมเองที่อยากรู้อยากเห็น ถามเรื่องน้องคนนั้นจากพี่พยาบาลหน้าห้องฉุกเฉิน พี่เขาบอกว่าเด็กคนนั้นถูกทำร้ายมา
เด็กตัวแค่นั้น...
ใครกันทำได้ลงคอ
น้ำตาผมคลอเบ้าทันทีที่เห็นสภาพเด็กน้อยหลังจากผ่านนาทีเฉียดตายมา คอกับแขนเล็กๆนั่นต้องเข้าเฝือก ใบหน้ามีร่องรอยของการถูกทำร้าย ที่หัวกลมๆนั่นมีผ้าก็อชพันรอบตรงหน้าผากนั่นมีเลือดซึมออกมา...
"น้องน่าสงสารจังฮะ" ผมกอดเอวพ่อน้ำตาไหลออกมาด้วยความเวทนา
พ่อลูบหัวปลอบผม
ดีที่พ่อผมเป็นเจ้าของไข้ของเด็กคนนั้น ผมเลยได้รู้เรื่องของน้องด้วย
น้องชื่อ โอ เซฮุน เมื่อก่อนน้องมาที่โรงพยาบาลบ่อยๆเพราะต้องมาเช็คร่างกาย ในแฟ้มประวัติบอกว่า..น้องเป็นเด็กที่ร่างกายอ่อนแอมาก แถมน้องยังเป็น..
"..โรคออทิสซึม"
"ใช่ครับ เซฮุนเค้าเป็นเด็กมีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กทั่วไป เมื่อก่อนนี้..ก็เห็นว่าพ่อแม่พามาหาหมอบ่อยๆนี่นา แต่สองปีหลังนี่ไม่เห็นหน้าเลย ไม่รู้ว่าทางบ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า.."
หลังจากนั้นผมก็มาหาน้องเซฮุนแทบทุกวัน น้องไม่พูดไม่จาเลย แถมทำหน้างอใส่ผมตลอดเวลาด้วย เด็กดื้อเอ้ย!!
แต่น้องนอนโรงพยาบาลหลายวันแล้ว.. พ่อแม่น้องไปอยู่ไหนนะ ไม่เห็นมาหาน้องเลย
พอผมถามหาพ่อกับแม่เท่านั้นแหละ..
"แง๊!!!!! แง๊!!!!!! ไม่เอาๆๆ" เด็กนี่เป่าปีทันทีเลยครับ ผมไม่รู้จะทำไง จะกอดปลอบก็กลัวน้องมันเจ็บ เพราะแผลเต็มตัว แต่เด็กน้อยดิ้นๆๆ ถีบผ้าปูเตียงยับยู่ยี่ไปหมด
ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ดีที่พี่ๆพยาบาลเข้ามาช่วยกันจับไว้
ผมได้ยินมาจากที่พยาบาลคุยกับพ่อของผมว่า ผู้ชายที่อุ้มน้องมาส่งวันนั้น เขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนบ้านกับน้องเซฮุน น้องพึ่งมาอยู่ที่นั่นได้ไม่ถึงปีหลังจากที่แม่ของน้องมีสามีใหม่ซึ่งก็คือหลังจากพ่อของน้องเสียไป แล้วก็...พ่อเลี้ยงน้องนั่นแหละที่เป็นคนทำร้ายน้อง.. แล้วตอนนี้พ่อเลี้ยงคนนั้นก็ถูกจับข้องหาทำร้ายร่างกายไปแล้ว ส่วนแม่ของน้องก็หนีไปไหนก็ไม่รู้
ตอนนี้เด็กน้อยนอนนิ่งอยู่บนเตียง ไม่ใช่นิ่งธรรมดา แต่นิ่งเหมือนท่อนไม้เลย.. เซฮุนเหมือนไม่มีความรู้สึกรู้สาจนผมรู้สึกหดหู่ในใจ เด็กน้อยหน้าตาน่ารักคนนี้ควรจะยิ้ม ควรจะหัวเราะ
แล้วยิ่งน้องมีภาวะที่เป็นโรคออทิสซึมด้วยแล้ว ความอบอุ่นจากครอบครัวยิ่งต้องมาเป็นอันดับแรก แล้วทำไมกัน...
เด็กน้อยคนนี้น่าสงสารเกินไปแล้ว
TBC.
ลงอินโทรให้อย่างฉับไว
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
#HunTistic
วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)